“ศรีสะเกษ”
ภาษาบาลีวันละคำวันนี้ขอเสนอคำว่า







จังหวัดศรีสะเกษ
ศรีสะเกษ หมายถึงหัวทั่วเส้นผม
อันอุดมสง่างามนามยิ่งใหญ่
ล้วนบรรดาแดนปราสาทขอมวิไล
หอมกระเทียมดีเด่นได้ให้ชวนชม
มีสวนสมเด็จสถานสำราญรื่น
ยังดาษดื่นดงลำดวนชวนสวยสม
หลากล้วนวัฒนธรรมนำรื่มรมย์
ชวนชื่นชมเลิศล้ำค่าสามัคคี
“ศรีสะเกษ”
อ่านว่า สี-สะ-เกด
หมายถึง หัวทั่วเส้นผม
ประกอบด้วย ศรีสะ + เกษ
“ศรีสะ”
“ศรีสะ” ในที่นี้หาได้หมายความว่า “หัว”
โดยทั่วไปจะเห็นคำว่า “ศรี” ที่มี (สระอี) วางอยู่บน
ตัว (ร.เรือ) ประสมกับคำอื่นๆ เช่น ศรีเมือง ศรีอยุธยา
ศรีรัตนตรัย ศรีนครินทร์ ฯลฯ รวมถีง “ศรีสะเกษ”
“ศรี” คำนี้มาจากคำบาลีสันสกฤต
แปลว่า รุ่งเรือง งาม เจริญ
ขณะที่คำว่า “ศีรษะ” ที่แปลว่า หัวคน
มี (สระอี) วางอยู่บน (ศ.ศาลา) ตัวแรก
“ศีรษะ” เป็นคำสันสกฤต “ศีรฺษ”
“ศีรฺษ” อ่านว่า “สี-ระ-สะ”
“ศีรษะ” เป็นคำที่เขียนอิงสันสกฤต
“ศีรษะ” บาลีเป็น “สีส” อ่านว่า “สี-สะ”
“สีส” ในบาลี (สระอี) อยู่บน “ส”
“ศีรฺษ” ในสันสกฤต (สระอี) ก็อยู่บน “ศ”
ไม่ได้อยู่บน “ร” ถ้าเขียนเป็นภาษาไทย
“ศีรษะ” (สระอี) จะอยู่บน “ศ”
“เกษ”
“เกษ” ไม่ใช่คำบาลีสันสกฤต
“เกษ” ถ้าเป็นคำบาลีคือ “เกส”
“เกส” อ่านว่า “เกด”
“เกส” สันสกฤตว่า “เกศ”
“เกศ” อ่านว่า “เกด-สะ”
หมายถึง ผม ในบทกลอนหมายถึง หัว
“หัว” ภาษาอังกฤษ Head
“Head” อ่านว่า “เฮด”
“เฮด” ออกเสียกคล้ายกับ “เกด”
มีความหมายแฝงว่า “หัว” เหมือนกัน
คำว่า “ศรีสะเกษ” แปลว่าอะไร มีที่มาอย่างไร ?
เรื่องเกี่ยวกับปราสาทเขาพระวิหาร เมื่อหลายปีที่แล้ว เป็นเรื่องที่ทำให้เป็นจุดเริ่มต้น มาจากที่เราเขียนคำว่า “ศรีษะ” ผิดไปเป็น “ศีรษะ”
เลยจะมาอธิบายให้เขียนถูก โดยหยิบเอาคำว่า “ศรีสะเกษ” มาเป็นตัวอย่างเปรียบเทียบให้เห็นความแตกต่างในการวางตำแหน่ง (สระอี) กับคำว่า “ศีรษะ”
2 คำนี้มีคำที่ออกเสียงเหมือนกัน 2 พยางค์
ศีรษะ อ่านว่า (สี-สะ)
ศรีสะเกษ อ่านว่า (สี-สะ) เกด
ชื่อจังหวัดศรีสะเกษ ที่ยกเอาตัว ศ ส ษ ทั้ง 3 ตัว
มารวมกันอยู่ในหนึ่งคำ ที่เขียนต่างกันแต่ออกเสียง “ส” เหมือนกันหมด จึงทำให้เราสับสนไม่ค่อยแน่ใจกับการเขียนชื่อจังหวัดศรีสะเกษนี้กันทุกครั้ง แต่มักจะเขียนเป็น “ศีรษะ” กันผิดอยู่บ่อยครั้ง และไม่รู้จะว่างตัว “ส” กับ “ษ” ที่ตรงไหน
รูปศัพท์ซ้อนความหมาย “ศีรษะ + เกษ” จึงถูกแปลเอาสนุกเชิงเหยียดหยันเป็นจังหวัด “สองหัว” มีจินตภาพโยงกบฏผีบุญ (กบฏผู้มีบุญอีศาน) และการทะเลาะใส่ความกันของผู้นำถิ่นในอดีต ทำให้รัฐบาลกลางกรุงเทพฯต้องมาปราบหรือตัดสินหลายคดี
“ศรีสะเกษ” โดย ศ.จำนงค์ ทองประเสริฐ อธิบายไว้ ดังนี้ “ศีรษะ” (สระอีบน ศ ศาลา) คือ “หัว” แต่มักเขียนผิดเป็น “ศรีษะ” ซึ่ง “ศีรฺษ” คำสันสกฤต อ่าน สี-ระ-สะ ออกครึ่งเสียง แต่เราออกเสียงอย่างแขกไม่ได้จึงเป็น “สี-สะ”
ส่วน “เกษ” บาลีก็ไม่ใช่ สันสกฤตก็ไม่เชิง บาลีเขียน “เกส” สันสกฤตเขียน “เกศ”
“เกษ” ษ ฤษี จึงเป็นเขียนแบบไทยๆ คล้ายแขก เช่นเดียวกับ “เกสร” คนเก่านิยมเขียน “เกษร”
“ศรีสะเกษ” ไม่น่าจะหมายความว่า “หัว” ท่านจึงเขียนเป็น “ศรีสะเกษ”
ความเห็นของ ศ.จำนงค์ ละเลยพระราชโองการรัชกาลที่ ๑ แรกตั้งจังหวัดซึ่งเขียน “ศีร์สะเกษ”
ส่วนไวยากรณ์ลาว คำบาลี สันสกฤต จะถูกลดรูปลดเสียง สะกดตรงๆ อย่างเรียบง่าย ไม่มีควบกล้ำ ไม่มีการันต์ เช่น พระมหากษัตริย์ไชยเชษฐาธิราช แบบลาวเขียน พะมหากะสัดไชยเชดถาทิราช, เวียงจัน(จันทน์), อาทิด(ทิตย์), อัดสะจัน(อัศจรรย์) ดังนั้น ศีรสะเกษ เป็น “สีสะเกด” จึงไม่แปลกที่ วัดสีสะเกด เวียงจัน ลดรูปจาก ศีร(ศรี)+การะเกด, ศรี+สระเกศ หรือจากคำใด
จารึกบนปราสาทพระวิหารมีคำว่า “ศีรศิขเรศวร” (อิศวรผู้เป็นใหญ่แห่งขุนเขา) เทวาลัยสำคัญที่กษัตริย์จะทำพิธีกัลปนาถวายแรงงานรับใช้เทพศิวะ กับตั้งชุมชนอยู่ใกล้ๆ คนสมัยนั้นอ่านจารึกได้แน่ๆ และใช้คำนี้เรียกโบราณสถานแห่งนี้
เมื่อเนิ่นนานไปลัทธิเสื่อมลง คนรุ่นถัดมาสำเนียงไม่มีควบกล้ำเรียกเป็น “สีสิขะเรดสวน” กร่อนเหลือ “สีสิขะเกรด, สีสิกะเรด” ภาษาปากนี้ถ่ายทอดหลายชั่วคนซึ่งอ่านจารึกไม่ได้แล้ว จึงกร่อนเป็น“สีสะเกด” ครั้นรัฐสยามเขียนเลียนเสียงในรูปแบบสันสกฤตจึงเพี้ยนเป็น “ศรีสะเกษ”
ตราประจำจังหวัด
ตราประจำจังหวัดศรีสะเกษ เป็นรูปปราสาทหิน 7 ชั้น และดอกลำดวน มีใบ 6 ใบ
ปรางค์กู่ หมายถึง ปราสาทหิน และปรางค์กู่ ที่มีอยู่จำนวนมากในจังหวัด เช่น ปราสาทหินสระกำแพงน้อย ปราสาทหินสระกำแพงใหญ่และปรางค์กู่ จนได้ชื่อว่าเป็นนครแห่งปราสาท
ดอกลำดวน หมายถึง ซื่อเดิมที่ปรากฏในตำนานเมือง คือ เมืองศรีนครลำดวน
ใบลำดวน 6 ใบ หมายถึง การก่อตั้งจังหวัดครั้งแรกมี 6 อำเภอ คือขุขันธ์ กันทรลักษ์ อุทุมพรพิสัย กันทรารมย์ ราษีไศล และเมืองศรีสะเกษ
คำขวัญประจำจังหวัด
“แดนปราสาทขอม หอมกระเทียมดี
มีสวนสมเด็จ เขตดงลำดวน
หลากล้วนวัฒนธรรม เลิศล้ำสามัคคี”
ภาษาบาลีวันละคำ วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก
ประธานโครงการ
พระราชญาณกวี (ปิยโสภณ)
วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก
แต่งกลอนประกอบ
พระมหารัตนกวี ธมฺมโฆสโก
วัดนางชี ภาษีเจริญ กทม.
ค้นคว้า – วิเคราะห์
พระเจสัน ขันติโก วัดลาดปลาเค้า กทม.